ตำรวจชาว ออสเตรเลียได้เขียนสิ่งนี้ขึ้นเพื่อผู้หญิงทุกคน (ในยุคนี้ผู้ชาย ก็ควรอ่าน)
ตำรวจชาว ออสเตรเลียได้เขียนสิ่งนี้ขึ้นเพื่อผู้หญิงทุกคน (ในยุคนี้ผู้ชาย ก็ควรอ่าน)To:
ตำรวจชาว ออสเตรเลียได้เขียนสิ่งนี้ขึ้นเพื่อผู้หญิงทุกคน
นั่นเป็น เพราะว่าการลักพาตัวครั้งล่าสุดเกิดขึ้นกลางวันแสกๆ
ตั้งสติ ให้ดีก่อนจะทำการอะไรหากคุณกำลังอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน
ข้อความ นี้สำหรับตัวของคุณเองและเพื่อให้คุณได้แบ่งปันให้กับภรรยา ลูก หรือทุกๆ คนที่คุณรู้จัก
หลังจาก ที่คุณได้อ่านคำแนะนำที่สำคัญเหล่านี้ .. คุณอาจต้องการที่จะเผยแพร่ให้ผู้อื่นได้รับรู้ โปรดส่งต่อให้กับคนที่คุณรักและเป็นห่วง
การระมัด ระวังล่วงหน้าไม่ต้องแลกกับความสูญเสีย เพราะฉะนั้นปลอดภัยไว้ดีที่สุด
1. เคล็ดลับ จา กวิชาเทควันโด้ ข้อศอกเป็นส่วน ที่แข็งแกร่งที่สุดในร่างกายของมนุษย์ หากคุณ อยู่ใกล้คนร้ายในระยะที่จะใช้มันได้....จงใช้มันซะ!
2. เคล็ดลับ จากสมุดแนะนำนักท่องเที่ยว ถ้าคนร้าย ต้องการกระเป๋าเงินหรือของมีค่าของคุณ อย่ายื่นให้กับเขา จง โยนกระเป๋าเงินของคุณไปให้ไกลจากตัวเอง.. โอกาสที่ คนร้ายจะสนใจกระเป๋าเงินของคุณนั้นมีมากกว่าที่จะสนใจคุณ และนั่นจะ ทำให้เขาต้องไปหยิบกระเป๋าเงินที่อยู่ห่างจากตัวคุณ
ตอนนี้ แหละ จงวิ่งไปอีกทิศทางหนึ่งให้เร็วที่สุด ><
3. ถ้าคุณ เกิดถูกลากหรือโยนเข้าไปในท้ายรถของคนร้าย
สิ่งที่ คุณควรทำคือให้ถีบไฟท้ายจนหลุดออกมา
ยื่นแขน ของคุณออกมาจากช่อง แล้วเริ่มโบกมืออย่างบ้าคลั่ง
คนขับไม่ เห็นสิ่งที่คุณทำ แต่คนอื่นจะเห็น
วิธีนี้ ได้ช่วยหลายต่อหลายชีวิตมาแล้ว..
4. คุณ ผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะนั่งอยู่บนรถเฉยๆ หลังจากช้อปปิ้ง เที่ยว กิน หรือ ทำงานเพื่อจะแต่งหน้า เปิดผ่านหนังสือ เช็คโทรศัพท์ ฯลฯ
ห้ามทำเป็นอันขาด!
คนร้ายจะ คอยเฝ้าดูพฤติกรรมของคุณ และสิ่งที่คุณทำเป็น
การเปิด โอกาสอันเหมาะสมเพื่อให้เขาเข้ามาทางที่นั่งข้างคนขับ และเอาปืน จ่อหัวคุณเพื่อจะให้คุณขับไปตามทางที่เขาต้องการ
เพราะ ฉะนั้น....ทันทีที่คุณขึ้นรถ
จงล็อคประตู และรีบออกรถซะ........
แต่ถ้าเกิด....
คนร้ายอยู่บนรถกับคุณ
และเอาปืนจ่อขมับคุณไว้
อย่าขับรถออกไปตามที่ เขาบอก
ย้ำ:
อย่าขับรถออกไปตามที่เขาบอก
สิ่งที่ คุณควรทำคือ
เหยียบคันเร่งให้เร็วที่สุด
ขับพุ่งใส่กำแพงหรือสิ่งกีดขวางในละแวกนั้น
ถุงลมนิรภัยฝั่งคุณจะช่วยชีวิตคุณไว้
(เช่นเดียวกับฝั่งคนร้ายหากคนร้ายนั่งเบาะหน้า)
(หากคนร้ายนั่งอยู่เบาะหลัง เขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัส)
แต่ทันใดที่รถของคุณชน ให้รีบถอนตัวออกมา(จากถุงลมนิรภัย)
แล้ววิ่งออกจากรถสุดแรงเกิด
วิธีนี้จะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นตรงที่คุณสามารถวิ่ง
เข้าหากลุ่มคนเพื่อขอความช่วยเหลือได้
หากคุณออกรถไปที่ไกลๆ ตามเส้นทาง/สถานที่ที่คนร้ายบอก
จะทำให้คนร้ายตามตัวคุณได้ง่าย เพราะคุณไม่รู้จักสถานที่นั้นดีเท่าเขา
5. ข้อแนะนำ สำหรับการเดินไปที่รถของคุณ
ในลาน/โรงจอดรถ
ก.) จงระวัง:
มองไปรอบๆ ตัวของคุณ
มองเข้าไป ในรถของคุณ
มองลอดไป บนพื้นฝั่งที่นั่งข้างคนขับ
และเบาะ หลัง
ข.) ถ้ารถของคุณมีรถตู้จอดอยู่ข้างๆ
ให้ขึ้นรถ ทางฝั่งผู้โดยสารข้างคนขับ
คนร้ายจะ จู่โจมเหยื่อของมันโดยการฉุด
ขึ้นรถตู้ ในขณะที่เหยื่อกำลังจะเปิดประตูขึ้นรถ
เ พราะ ฉะนั้นรถตู้น่าสงสัยเหล่านี้จึงมักที่จะจอดอยู่ฝั่งคนขับ
ค.) ให้มองไปที่รถที่จอดอยู่ข้างๆ คุณทั้งสองข้างของรถ
ถ้าเจอ ผู้ชายนั่งอยู่คนเดียวในฝั่งที่อยู่ใกล้รถของคุณมากที่สุด
สิ่งที่ คุณควรทำคือเดินกลับเข้าไปในห้าง
หรือออ ฟฟิตเพื่อขอให้ยาม รปภ. หรือตำรวจเดินมากับคุณ
เพื่ อส่ง คุณขึ้นรถ
ไม่ต้องไปคิดมากกว่าคนอื่นหรือตำรวจจะมองคุณโรคจิตหรือเปล่า
เพราะการระมัดระวังเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในสถานการณ์อันน่าสงสัย นั้น จงตระหนักอยู่เสมอว่า ปลอดภัยไว้ก่อน...
6. จง ใช้ลิฟต์ตลอดแทนที่จะใช้บันใด
เพราะบันใดเป็นสถานที่ที่แย่ที่สุดที่ผู้หญิงจะอยู่คนเดียว
มันเป็น ที่ๆ เพอร์เฟคสำหรับคนร้าย
และน่า กลัวเป็นอย่างยิ่งในยามวิกาล
7. ถ้าคนร้าย มีปืน...แต่คุณไม่ ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา จงวิ่ง!! เพราะ โอกาสที่คนร้ายจะยิงถูกคุณมีเพียง4 ครั้งใน 100 ครั้งเท่านั้น (เป้า วิ่ง) และเป็นไป ได้สูง ว่าจะไม่โดนอวัยวะสำคัญ
วิ่งงงงง งง!! โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...การวิ่งซิกแซก
8. จุดอ่อน ของผู้หญิงส่วนใหญ่คือ
ขี้สงสาร ขี้เห็นใจ จงหยุดซะ
เท็ด บันดี้ เป็นฆาตรกรหน้าตาดี และการศึกษาสูง
เขาใช้จุด อ่อนข้อนี้ของผู้หญิงเพื่อลวงมาฆ่าเสมอ
เพราะ ฉะนั้นจงมีเหตุมีผล ดูสถานการณ์ด้วยความระมัดระวัง
จงช่าง สังเกต หากพบข้อสงสัยแม้เพียงข้อเดียว
ก็ควรจะลี กเลี่ยงบุคคลนั้นๆ ให้เร็วที่สุด
9. เรื่องที่ ควรตระหนักอีกข้อ:
เพิ่งจะมี คนมาเล่าให้ฉันฟังว่า เพื่อนสาวของได้ยินเสียงร้องไห้ของเด็กตอนกลางคืน และเธอก็คาดว่าเสียงนั่นดังมาจากระเบียงบ้านของเธอ เธอเลือกที่จะโทรแจ้งตำรวจแทนที่จะออกไปดูด้วยตัวเอง นั่นเป็นเพราะว่าเธอมีลางสังหรณ์ว่านั่นอาจจะเป็นกลลวง และตำรวจก็สั่งกับเธอว่า “ไม่ว่าจะ เกิดอะไรขึ้น ห้ามเปิดประตูเด็ด ขาด”
เธอจึง เล่าให้ตำ รวจฟังอีกว่าเสียงนั่นฟังดูเหมือนว่าเด็กนี่ได้คลานมาใกล้หน้าต่าง ของและเธอก็เป็นกังวลว่าถ้าหากเด็กคนนี้คลานออกไปถึงถนนก็จะถูกรถชน
ตำรวจจึง สั่งเธอว่า “ตอนนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างทางไปบ้านเธอแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ห้ามเปิดประตูเด็ดขาดไม่ว่าจะได้ยินเสียงอะไรหรือเกิด อะไรขึ้น ตำรวจย้ำถึงสามรอบ”
ตำรวจเล่า ให้เธอฟังต่อว่าพวกเขาคิดว่าน่าจะเป็นฆาตรกรที่ใช้วิธีเปิดเทปเสียงเด็ก ร้องไห้เพื่อจะหลอกหล่อให้ผู้หญิงออกจากบ้านมาดู โดยที่ฆาตรกรหวังใช้จุดอ่อนของผู้หญิงคือ ความขี้เห็นใจ ขี้สงสาร นั่นเอง แต่ทางตำรวจก็ยังจับตัวฆาตรกรกลุ่มนี้ไม่ได้ ก่อนหน้านี้ก็มีการโทรมาแจ้งและได้เล่าเรื่อง เดียวกัน คือได้ยินเสียงเด็กมาจากนอกบ้าน หน้าต่าง หน้าประตู เวลากลางคืน และทุกสายที่โทรมาแจ้งล้วนแต่เป็นผู้หญิงที่ อยู่บ้านคนเดียวทั้งสิ้น
10. ถ้าคุณตื่นขึ้นมากลางดึกและได้ยินเสียงเหมือนว่าก๊อกน้ำถูกเปิด อยู่หรือท่อน้ำของคุณแตกนอกบ้าน ห้ามออกไป เดินสำรวจเด็ดขาด! เพราะมีคนกลุ่มนึงจะเข้าไปเปิดก๊อกน้ำบ้านคุณให้สุดเพื่อให้คุณได้ยินและออก มานอกบ้าน นั่นคือเวลาที่พวกเขาจะโจมตีคุณ
จงมีสติอยู่ตลอดเวลา, อยู่อย่างระมัดระวัง, ตรวจสอบความปลอดภัย, และอย่าลืมดูแลกันเองระหว่างคุณกับเพื่อนบ้านด้วย!
วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554
วันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2554
คำแนะนำ เผชิญ กับการถูกน้ำท่วมบ้าน
ประสบการณ์จริง 25 ข้อ จากคนที่น้ำท่วมบ้านแล้ว!!
โดย Toptenthailand.com เมื่อ 26 ตุลาคม 2011 เวลา 12:42 น.
ประสบการณ์จริง 25 ข้อ จากคนที่น้ำท่วมบ้านแล้ว!!
1. อย่าเสียเวลากับการป้องกัน
หากบริเวณบ้านของท่านอยู่ในพื้นที่เสี่ยงแต่ทางการประกาศว่าระดับน้ำอาจสูงถึง 1.5 เมตร
อย่าได้เสียเวลากับการป้องกันเลยครับ ระดับน้ำที่มาถึงบ้านท่านรับรองว่า จะต่ำกว่า หรืออาจจะสูงกว่า ที่ทางการประเมิน (รับรองท่วม)
2. กระสอบทราบเป็นแค่เครื่องมือชะลอ
กระสอบทรายมิใช้แก้วสารพัดนึกครับ มันไม่สามารถกั้นน้ำได้ 100 % แค่ทำให้น้ำรั่ว หรือซึมเข้ามาได้บ้าง ท่านต้องมีการดูดออกด้วย
3. การวางกระสอบทราย เรามิใช่มืออาชีพ
การจัดเรียงกระสอบทรายต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญจริงๆๆ ผมกับเพื่อบ้าน หมดค่ากระสอบทรายไป 50,000 บาท สุดท้ายก็ละลายน้ำ
4. อย่าได้เชื่อโครงการ
อัน นี้มิได้ต่อว่าโครงการนะครับ เพียงแค่ว่าเขาประเมินสถานการณ์ต่ำไป โครงการผมลงทุนน่าจะเป็นล้าน ตั้งคันดินกระสอบทรายน่าจะกว่า 30,000 ใบ คันสูง 1.5 เมตร เครื่องสูบน้ำออกแบบตัวใหญ่ๆๆกว่า 3 ตัว (นิคมอุตสาหกรรม กี่แห่งแล้ว)
5. สิ่งที่เห็น อาจไม่ใช่ สิ่งที่ใช่ อาจไม่เห็น
น้ำ มิได้โจมตีจะภาคพื้นดินหรอกครับ มันมาจากใต้ดิน มันมุดกำแพงเข้ามาบางครั้งมันโพร่งให้เห็น แต่หากมันไม่โพร่งให้เห็นมันจะซึมลงท่อน้ำทิ้งของโครงการเนื่องจากท่อน้ำ ทิ้งที่วางแนวไว้ นานเข้าจะเกิดการทรุดตัว แตก ทำให้น้ำซึมเข้ามา จนกระทั้งเต็มท่อ โครงการมัวแต่อุดท่อที่ต่อกับภายนอก และไม่เห็นว่าท่อข้างในมีการรั่วซึม
6. การอุดท่อระบายน้ำเข้าบ้าน มิใช่การป้องกัน
ทุกสำนักจะบอกว่า ต้องอุดท่อระบายน้ำ ลองอ่านจากข้อสองครับ เราอาจจะรู้สึกว่าแน่นดี
เอา อยู่ น้ำไม่ผ่าน แต่ที่จริง กระสอบทรายแค่ชะลอ ทำให้น้ำผ่านยากขึ้นและที่สำคัญ พวกบ้านเดียว มีพื้นที่สวนใต้บ้านของท่านล้วนแล้วแต่เป็นโพรงน้ำจะแทรกตัวลงไปจนแน่นโพรง ใต้พื้นแล้วจะผุดออกมาตามรอยแตกของบ้านบางครั้งอาจจะดันกระเบื้องเข้าบ้าน ได้ แต่เหตุการณ์นี้เกิดได้ค่อนข้างยาก
7. ห้องน้ำคือจุดอ่อนที่สุด เมื่อน้ำเต็มท่อระบาย
จะ หาทางออกมาทั้งน้ำทิ้ง ทางพื้นที่เรียกว่า Floor Drain รวมถึงชักโครกซึ่งท่านไม่สามารถจะอุดได้ หากจะอุดจริงๆ ต้องถอดหัวชักโครกแล้วโบกปูน
8. อย่ามัวสาระวนกันการป้องกัน เมื่อน้ำบุกเข้ามาได้
ท่านจะพยายามลากกระสอบทรายมาปิด มาอุด ซึ่งไร้ประโยชน์เอาเวลาไปตรวจสอบว่า เรามีอะไรยังไม่ได้ยกขึ้นที่สูงอีกบ้าง
9. ไม่ต้องสะสมเสบียง
เพราะหากปริมาณน้ำขนาดนี้ ท่านถูกตัดไฟแน่นอนแล้วจะอยู่อย่างๆไร ผมสะสมเสบียงอยู่ได้เกือบ 3 เดือน จบข่าวตั้งแต่วันแรกแล้ว
10. ก่อปูนเป็นทางออกที่เกือบใช่ แต่…. ไปดูข้อเจ็ดครับ
หากท่านมั่นใจว่าสามารถสร้างระบบปิดในตัวบ้านท่านได้ ก็จงทำเถิดแต่หากไม่ใช่ อย่าเสียเวลา
11. ระดับความสูง
หาก ท่านเห็นน้ำขนาดนี้มาอีก ของที่ยกได้ ขอให้ระดับไม่น้อยกว่า 1.5 เมตร หากจะเทินของก็ให้มั่นใจว่ากว่า บ้านผมสูงจากถนน 30 เซ็น ก่อปูนอีก ประมาณ 70 เซน สุดท้าย ไม่รอด
อย่าท้อกับของใหญ่ผมได้มีโอกาสคุยกับหลายคนที่ น้ำยังไม่ท่วม พอเจอตู้เย็น เครื่องซักผ้าเข้า ก้อไม่เอา บอกหนัก คุณยังมีเวลาครับ ทำเลย หาเพื่อนข้างบ้านมาช่วย ส่วนใหญ่ใช้วิธิเทินเอา คุณเทินสูงไม่ได้เกิน 80 ซม - 1 เมตร หรอกครับ มันจะล้ม ลองใช้ประโยชน์จากชานพักบันไดสิครับ พื้นที่ประมาณ 2×2 เมตร พอวางเครื่องซักผ้า และ ตู้เย็นใบใหญ่ได้ความสูงชานพักน่าจะสัก 1.8 - 2 เมตร น่าจะพอไหว แต่ขึ้นอยู่กับพื้นที่บ้านท่านด้วยนะครับ
12. เก็บของสำคัญพร้อมหนี
อย่ามั่วเสียเวลาในการป้องกัน จัดกระเป๋าสำรองอีกใบ เพราะเวลาขันแน่นมาก (คับขัน) ท่านจะเก็บไม่ทัน ลืมโน่นลืมนี่
13. หากท่านผ่อนบ้าน จะถูกบังคับทำประกัน จงกลับไปอ่านอนุสัญญา
บางบริษัทจะครอบคลุมน้ำท่วม หรือภัยที่มาจากน้ำท่านอาจจะได้เงินคมาจากการซ่อมบ้าน
14. ปั้มน้ำสิ่งที่ถูกลืม
ระบบ น้ำใช้ในบ้านส่วนใหญ่จะเป็น 2 ระบบ คือต่อประปาตรงกับผ่านปั้ม ท่านสามารถถอดปั้มออกก่อนได้เลยครับ แล้วปรับไปใช้ต่อตรง แต่น้ำจะเบาสักหน่อย อ้อ ถอดเสร็จอย่าลืมเอาอะไรมาหุ้มปลายน้ำเข้าบ้านด้วย กั้นไม่ให้ น้ำเสียไหลเข้าบ้าน หากไม่มีอุปกรณ์ถอด ใช้เลื่อยตัดเลยครับ ให้เหลือปลายไว้ด้วยนะครับ จะได้ต่อกลับง่ายๆ
15. ผู้ใหญ่ คนชรา เด็ก ผู้ป่วย และหมาแมวเชิญท่านออกมาก่อนครับ
จะได้ไม่พาว้าพะวง ส่วนใหญ่ที่สร้างปัญหา ไม่ใช่คนครับ สัตว์เลี้ยงของท่านนั่นแหละครับ เพราะมันลุยน้ำไม่ได้เหมือนท่าน
16. รถยนต์ปัจจัยที่ 7 ของท่านจะเป็นตัวสร้างภาระอย่างใหญ่หลวง
โดยปกติ ช่วงหน้าหมู่บ้านทุกแห่งมักต่ำกว่าบ้านในโครงการ ดังนั้น ท่านอาจจะลุยออกมาไม่ได้ หาที่จอดในเมืองเลยครับ นั่ง taxi เอา
17. ยังไม่ต้องหนีหากท่านจัดการข้อ 15,16 เรียบร้อย
ท่าน อยู่เฝ้าบ้านได้ครับ อยู่จนกว่าน้ำจะมา ลงมาดูว่าเรายังไม่เก็บอะไรอีก จากนั้น ค่อยๆ หิ้วกระเป๋าที่เตรียมไว้ เดินออกมาอย่างยิ้มแย้ม โปกมือกับเพื่อนบ้านที่โกลาหล ไม่ต้องกังวลว่าจะออกมายังไงครับ เดินลุยน้ำชิวๆๆๆมาเลย ไม่มี taxi มารับท่านหรอกครับ อาศัยโบกรถเอา เพราะตอนนั้น ถนนใหญ่ของท่าน น้ำจะสูงมาก ผมยังโบกรถ 3 ทอดกว่าจะมาถึงบ้านอีกที่หนึ่ง ถึงตอนนั้น คนไทยไม่ทิ้งกันแน่นอน รับประกัน
18. หากไม่อยากเปียกนอนต่อ ท่านยังอยู่ได้ ตราบใดที่ไฟฟ้าไม่ตัด
ปกติ ในวันแรกที่น้ำท่วม การไฟฟ้ายังไม่ตัดไฟหรอกครับ กำลังงง ยุ่งอยู่ และระดับน้ำจะเริ่มนิ่งๆๆ ขึ้นช้าๆๆๆ ท่านยังอาศัยอยู่ได้ รอจนกว่าจะมีคนมารับ แล้วเปลี่ยนบรรยากาศนั่งรถทหาร ชมวิว หรือจะรอ เรือมารับก้อได้ ลุ้นหน่อย มันดี
19. ตรวจสอบ breaker
ว่าอันไหนตัดอะไร พอน้ำมา อพยพขึ้นชั้น สอง ตัดไฟชั้นล่างให้หมดเลยครับ
20. กะละมัง อุปกรณ์ทุ่นแรง หากยังมีของแยะ
ตอนลุยออกมา เอาใส่กะละมังครับ แต่ต้องไม่รั่วนะ
21. ฟังคนอื่น ฟังหมู่บ้าน
แต่….จง เชื่อตนเองเวลาจับกลุ่มคุยทุกคนจะให้ข้อมูลในเชิงหวังดี แค่ท่วมแค่นี้แหละ ไม่มากหรอก ….อย่าลืมนะครับ คนที่ท่านคุยด้วยไม่เคยโดน ผมนี่แหละ เต็มๆๆๆๆๆ
22. สัญญาณแรก น้ำในท่อระบายน้ำหมั่นสอดส่องดูน้ำในท่อระบายน้ำครับ
หากเริ่มเห็นน้ำมาขังในท่อ แปลว่า ทัพหน้าเขามาถึงแล้ว เริ่มแทรกตัวลงมาอยู่ในท่อของเรา
23. ท่านต้องรู้ชัยภูมิหมู่บ้านท่านควรทราบว่า ทิศแต่ละทิศ ติดอะไร
หาก ติดสวน ติดนา น้ำมักจะมาล้อมท่านอย่างเงียบๆ เพราะพื้นที่รอบข้างท่านยิ่งกว้าง น้ำจะขึ้นช้าๆ ต้องคอยดู หากเริ่มมีน้ำในนา ในสวนที่ติดกับหมู่บ้าน แสดงว่าน้ำกำลังตั้งป้อมรอแล้วละ ท่านควรรู้ทางน้ำที่กำลังไหลผ่านว่า หากจะมาจะเข้ามาทางใด มั่นไปดูบ่อยๆ
24. ปิดแอร์ เปิดหน้าต่างนอนช่วงนี้
หากท่านทนไหว เปิดหน้าต่างเถอะครับเพราะหากท่านเปิดแอร์นอน ท่านจะไม่ได้ยินประกาศอะไรเลย ยิ่งอยุ่ในซอยลึกๆๆอีก
25. เทปกาวเหนียวๆ
ปิดปลั๊กไฟที่ต่ำๆ กันน้ำเข้าพอจะช่วยได้บ้างครับ เอาหลายๆๆชั้นหน่อยนะครับ
(เครดิต. สุเทพ เตมานุวัตร์)
ลองอ่านกันนะครับหวังว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยครับ….
admin@nut
โดย Toptenthailand.com เมื่อ 26 ตุลาคม 2011 เวลา 12:42 น.
ประสบการณ์จริง 25 ข้อ จากคนที่น้ำท่วมบ้านแล้ว!!
1. อย่าเสียเวลากับการป้องกัน
หากบริเวณบ้านของท่านอยู่ในพื้นที่เสี่ยงแต่ทางการประกาศว่าระดับน้ำอาจสูงถึง 1.5 เมตร
อย่าได้เสียเวลากับการป้องกันเลยครับ ระดับน้ำที่มาถึงบ้านท่านรับรองว่า จะต่ำกว่า หรืออาจจะสูงกว่า ที่ทางการประเมิน (รับรองท่วม)
2. กระสอบทราบเป็นแค่เครื่องมือชะลอ
กระสอบทรายมิใช้แก้วสารพัดนึกครับ มันไม่สามารถกั้นน้ำได้ 100 % แค่ทำให้น้ำรั่ว หรือซึมเข้ามาได้บ้าง ท่านต้องมีการดูดออกด้วย
3. การวางกระสอบทราย เรามิใช่มืออาชีพ
การจัดเรียงกระสอบทรายต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญจริงๆๆ ผมกับเพื่อบ้าน หมดค่ากระสอบทรายไป 50,000 บาท สุดท้ายก็ละลายน้ำ
4. อย่าได้เชื่อโครงการ
อัน นี้มิได้ต่อว่าโครงการนะครับ เพียงแค่ว่าเขาประเมินสถานการณ์ต่ำไป โครงการผมลงทุนน่าจะเป็นล้าน ตั้งคันดินกระสอบทรายน่าจะกว่า 30,000 ใบ คันสูง 1.5 เมตร เครื่องสูบน้ำออกแบบตัวใหญ่ๆๆกว่า 3 ตัว (นิคมอุตสาหกรรม กี่แห่งแล้ว)
5. สิ่งที่เห็น อาจไม่ใช่ สิ่งที่ใช่ อาจไม่เห็น
น้ำ มิได้โจมตีจะภาคพื้นดินหรอกครับ มันมาจากใต้ดิน มันมุดกำแพงเข้ามาบางครั้งมันโพร่งให้เห็น แต่หากมันไม่โพร่งให้เห็นมันจะซึมลงท่อน้ำทิ้งของโครงการเนื่องจากท่อน้ำ ทิ้งที่วางแนวไว้ นานเข้าจะเกิดการทรุดตัว แตก ทำให้น้ำซึมเข้ามา จนกระทั้งเต็มท่อ โครงการมัวแต่อุดท่อที่ต่อกับภายนอก และไม่เห็นว่าท่อข้างในมีการรั่วซึม
6. การอุดท่อระบายน้ำเข้าบ้าน มิใช่การป้องกัน
ทุกสำนักจะบอกว่า ต้องอุดท่อระบายน้ำ ลองอ่านจากข้อสองครับ เราอาจจะรู้สึกว่าแน่นดี
เอา อยู่ น้ำไม่ผ่าน แต่ที่จริง กระสอบทรายแค่ชะลอ ทำให้น้ำผ่านยากขึ้นและที่สำคัญ พวกบ้านเดียว มีพื้นที่สวนใต้บ้านของท่านล้วนแล้วแต่เป็นโพรงน้ำจะแทรกตัวลงไปจนแน่นโพรง ใต้พื้นแล้วจะผุดออกมาตามรอยแตกของบ้านบางครั้งอาจจะดันกระเบื้องเข้าบ้าน ได้ แต่เหตุการณ์นี้เกิดได้ค่อนข้างยาก
7. ห้องน้ำคือจุดอ่อนที่สุด เมื่อน้ำเต็มท่อระบาย
จะ หาทางออกมาทั้งน้ำทิ้ง ทางพื้นที่เรียกว่า Floor Drain รวมถึงชักโครกซึ่งท่านไม่สามารถจะอุดได้ หากจะอุดจริงๆ ต้องถอดหัวชักโครกแล้วโบกปูน
8. อย่ามัวสาระวนกันการป้องกัน เมื่อน้ำบุกเข้ามาได้
ท่านจะพยายามลากกระสอบทรายมาปิด มาอุด ซึ่งไร้ประโยชน์เอาเวลาไปตรวจสอบว่า เรามีอะไรยังไม่ได้ยกขึ้นที่สูงอีกบ้าง
9. ไม่ต้องสะสมเสบียง
เพราะหากปริมาณน้ำขนาดนี้ ท่านถูกตัดไฟแน่นอนแล้วจะอยู่อย่างๆไร ผมสะสมเสบียงอยู่ได้เกือบ 3 เดือน จบข่าวตั้งแต่วันแรกแล้ว
10. ก่อปูนเป็นทางออกที่เกือบใช่ แต่…. ไปดูข้อเจ็ดครับ
หากท่านมั่นใจว่าสามารถสร้างระบบปิดในตัวบ้านท่านได้ ก็จงทำเถิดแต่หากไม่ใช่ อย่าเสียเวลา
11. ระดับความสูง
หาก ท่านเห็นน้ำขนาดนี้มาอีก ของที่ยกได้ ขอให้ระดับไม่น้อยกว่า 1.5 เมตร หากจะเทินของก็ให้มั่นใจว่ากว่า บ้านผมสูงจากถนน 30 เซ็น ก่อปูนอีก ประมาณ 70 เซน สุดท้าย ไม่รอด
อย่าท้อกับของใหญ่ผมได้มีโอกาสคุยกับหลายคนที่ น้ำยังไม่ท่วม พอเจอตู้เย็น เครื่องซักผ้าเข้า ก้อไม่เอา บอกหนัก คุณยังมีเวลาครับ ทำเลย หาเพื่อนข้างบ้านมาช่วย ส่วนใหญ่ใช้วิธิเทินเอา คุณเทินสูงไม่ได้เกิน 80 ซม - 1 เมตร หรอกครับ มันจะล้ม ลองใช้ประโยชน์จากชานพักบันไดสิครับ พื้นที่ประมาณ 2×2 เมตร พอวางเครื่องซักผ้า และ ตู้เย็นใบใหญ่ได้ความสูงชานพักน่าจะสัก 1.8 - 2 เมตร น่าจะพอไหว แต่ขึ้นอยู่กับพื้นที่บ้านท่านด้วยนะครับ
12. เก็บของสำคัญพร้อมหนี
อย่ามั่วเสียเวลาในการป้องกัน จัดกระเป๋าสำรองอีกใบ เพราะเวลาขันแน่นมาก (คับขัน) ท่านจะเก็บไม่ทัน ลืมโน่นลืมนี่
13. หากท่านผ่อนบ้าน จะถูกบังคับทำประกัน จงกลับไปอ่านอนุสัญญา
บางบริษัทจะครอบคลุมน้ำท่วม หรือภัยที่มาจากน้ำท่านอาจจะได้เงินคมาจากการซ่อมบ้าน
14. ปั้มน้ำสิ่งที่ถูกลืม
ระบบ น้ำใช้ในบ้านส่วนใหญ่จะเป็น 2 ระบบ คือต่อประปาตรงกับผ่านปั้ม ท่านสามารถถอดปั้มออกก่อนได้เลยครับ แล้วปรับไปใช้ต่อตรง แต่น้ำจะเบาสักหน่อย อ้อ ถอดเสร็จอย่าลืมเอาอะไรมาหุ้มปลายน้ำเข้าบ้านด้วย กั้นไม่ให้ น้ำเสียไหลเข้าบ้าน หากไม่มีอุปกรณ์ถอด ใช้เลื่อยตัดเลยครับ ให้เหลือปลายไว้ด้วยนะครับ จะได้ต่อกลับง่ายๆ
15. ผู้ใหญ่ คนชรา เด็ก ผู้ป่วย และหมาแมวเชิญท่านออกมาก่อนครับ
จะได้ไม่พาว้าพะวง ส่วนใหญ่ที่สร้างปัญหา ไม่ใช่คนครับ สัตว์เลี้ยงของท่านนั่นแหละครับ เพราะมันลุยน้ำไม่ได้เหมือนท่าน
16. รถยนต์ปัจจัยที่ 7 ของท่านจะเป็นตัวสร้างภาระอย่างใหญ่หลวง
โดยปกติ ช่วงหน้าหมู่บ้านทุกแห่งมักต่ำกว่าบ้านในโครงการ ดังนั้น ท่านอาจจะลุยออกมาไม่ได้ หาที่จอดในเมืองเลยครับ นั่ง taxi เอา
17. ยังไม่ต้องหนีหากท่านจัดการข้อ 15,16 เรียบร้อย
ท่าน อยู่เฝ้าบ้านได้ครับ อยู่จนกว่าน้ำจะมา ลงมาดูว่าเรายังไม่เก็บอะไรอีก จากนั้น ค่อยๆ หิ้วกระเป๋าที่เตรียมไว้ เดินออกมาอย่างยิ้มแย้ม โปกมือกับเพื่อนบ้านที่โกลาหล ไม่ต้องกังวลว่าจะออกมายังไงครับ เดินลุยน้ำชิวๆๆๆมาเลย ไม่มี taxi มารับท่านหรอกครับ อาศัยโบกรถเอา เพราะตอนนั้น ถนนใหญ่ของท่าน น้ำจะสูงมาก ผมยังโบกรถ 3 ทอดกว่าจะมาถึงบ้านอีกที่หนึ่ง ถึงตอนนั้น คนไทยไม่ทิ้งกันแน่นอน รับประกัน
18. หากไม่อยากเปียกนอนต่อ ท่านยังอยู่ได้ ตราบใดที่ไฟฟ้าไม่ตัด
ปกติ ในวันแรกที่น้ำท่วม การไฟฟ้ายังไม่ตัดไฟหรอกครับ กำลังงง ยุ่งอยู่ และระดับน้ำจะเริ่มนิ่งๆๆ ขึ้นช้าๆๆๆ ท่านยังอาศัยอยู่ได้ รอจนกว่าจะมีคนมารับ แล้วเปลี่ยนบรรยากาศนั่งรถทหาร ชมวิว หรือจะรอ เรือมารับก้อได้ ลุ้นหน่อย มันดี
19. ตรวจสอบ breaker
ว่าอันไหนตัดอะไร พอน้ำมา อพยพขึ้นชั้น สอง ตัดไฟชั้นล่างให้หมดเลยครับ
20. กะละมัง อุปกรณ์ทุ่นแรง หากยังมีของแยะ
ตอนลุยออกมา เอาใส่กะละมังครับ แต่ต้องไม่รั่วนะ
21. ฟังคนอื่น ฟังหมู่บ้าน
แต่….จง เชื่อตนเองเวลาจับกลุ่มคุยทุกคนจะให้ข้อมูลในเชิงหวังดี แค่ท่วมแค่นี้แหละ ไม่มากหรอก ….อย่าลืมนะครับ คนที่ท่านคุยด้วยไม่เคยโดน ผมนี่แหละ เต็มๆๆๆๆๆ
22. สัญญาณแรก น้ำในท่อระบายน้ำหมั่นสอดส่องดูน้ำในท่อระบายน้ำครับ
หากเริ่มเห็นน้ำมาขังในท่อ แปลว่า ทัพหน้าเขามาถึงแล้ว เริ่มแทรกตัวลงมาอยู่ในท่อของเรา
23. ท่านต้องรู้ชัยภูมิหมู่บ้านท่านควรทราบว่า ทิศแต่ละทิศ ติดอะไร
หาก ติดสวน ติดนา น้ำมักจะมาล้อมท่านอย่างเงียบๆ เพราะพื้นที่รอบข้างท่านยิ่งกว้าง น้ำจะขึ้นช้าๆ ต้องคอยดู หากเริ่มมีน้ำในนา ในสวนที่ติดกับหมู่บ้าน แสดงว่าน้ำกำลังตั้งป้อมรอแล้วละ ท่านควรรู้ทางน้ำที่กำลังไหลผ่านว่า หากจะมาจะเข้ามาทางใด มั่นไปดูบ่อยๆ
24. ปิดแอร์ เปิดหน้าต่างนอนช่วงนี้
หากท่านทนไหว เปิดหน้าต่างเถอะครับเพราะหากท่านเปิดแอร์นอน ท่านจะไม่ได้ยินประกาศอะไรเลย ยิ่งอยุ่ในซอยลึกๆๆอีก
25. เทปกาวเหนียวๆ
ปิดปลั๊กไฟที่ต่ำๆ กันน้ำเข้าพอจะช่วยได้บ้างครับ เอาหลายๆๆชั้นหน่อยนะครับ
(เครดิต. สุเทพ เตมานุวัตร์)
ลองอ่านกันนะครับหวังว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยครับ….
admin@nut
วันอาทิตย์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2554
ชื่อประเทศ ไทย เริ่มมีเมื่อไร?
สยาม (อักษรละติน: Siam)
สยาม (สันสกฤต: श्याम)
เป็นชื่อเรียกของประเทศไทยในสมัยโบราณ แต่มิใช่ชื่อที่คนไทยใช้เรียกตนเอง
สยามเป็นชื่ออย่างเป็นทางการของไทยรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นต้นมา
แต่ได้มีการเปลี่ยนชื่อมาเป็น "ไทย" เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2482
สมัย รัฐบาล จอมพล ป.พิบูลสงคราม
ในอดีตพระมหากษัตริย์ไทยทรงใช้ชื่อ สยาม ในการทำสนธิสัญญากับต่างชาติเป็นเวลาหลายศตวรรษ
อันเนื่องมาจากอาณาจักรสยามนี้ประกอบด้วยคนหลายชาติพันธุ์ อาทิ ไท ลาว มอญ ญวน เขมร แขก จีน ฝรั่ง และมลายู พระมหากษัตริย์ไทยจึงเรียกดินแดนแห่งนี้ว่า ประเทศสยาม เพื่อความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของประชาชน
อีกทั้ง ชื่อ สยาม นั้น ก็ยังคงเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในวงการวิชาการของต่างประเทศอีกด้วย
(วิกิพีเดีย)
สยาม (สันสกฤต: श्याम)
เป็นชื่อเรียกของประเทศไทยในสมัยโบราณ แต่มิใช่ชื่อที่คนไทยใช้เรียกตนเอง
สยามเป็นชื่ออย่างเป็นทางการของไทยรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นต้นมา
แต่ได้มีการเปลี่ยนชื่อมาเป็น "ไทย" เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2482
สมัย รัฐบาล จอมพล ป.พิบูลสงคราม
ในอดีตพระมหากษัตริย์ไทยทรงใช้ชื่อ สยาม ในการทำสนธิสัญญากับต่างชาติเป็นเวลาหลายศตวรรษ
อันเนื่องมาจากอาณาจักรสยามนี้ประกอบด้วยคนหลายชาติพันธุ์ อาทิ ไท ลาว มอญ ญวน เขมร แขก จีน ฝรั่ง และมลายู พระมหากษัตริย์ไทยจึงเรียกดินแดนแห่งนี้ว่า ประเทศสยาม เพื่อความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของประชาชน
อีกทั้ง ชื่อ สยาม นั้น ก็ยังคงเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในวงการวิชาการของต่างประเทศอีกด้วย
(วิกิพีเดีย)
ทำไม พ.ศ.2483 จึงมีแค่ 9 เดือน
สมัยก่อน ตั้งแต่ พ.ศ. 2432 สยามประเทศถือเอาวันที่ 1 เมษายน เป็นวันขึ้นปีใหม่เรื่อยมา จนกระทั่งรัฐบาลไทยสมัยที่จอมพล ป.พิบูลสงครามเป็นนายกรัฐมนตรีได้ประกาศเปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่ให้เป็นวันที่ 1 มกราคม เริ่มตั้งแต่ 1 มกราคม พ.ศ. 2484 เป็นต้นมา ทั้งนี้ก็เพื่อให้เป็นไปตามแนวปฏิบัติสากลของนานาอารยประเทศ
การเปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่ จาก 1 เมษายน มาเป็น 1 มกราคม ตั้งแต่ พ.ศ. 2484 ทำให้ พ.ศ. 2483 มีเพียง 9 เดือน คือ เมษายน ถึง ธันวาคม โดยขาดหายไป 3 เดือน คือ เดือนมกราคม กุมภาพันธ์ และมีนาคม ดังนั้น ถ้าไปพบใครที่มี
วันเกิดระหว่างวันที่ 1 มกราคม ถึง 31 มีนาคม พ.ศ. 2483 เราก็คิดไปได้ว่า ข้อมูลวันเดือนปีเกิดของบุคคลนั้นต้องมีอะไรผิดพลาดคลาดเคลื่อนเป็นแน่แท้
(คัดจากเอกสาร ประชากรและการพัฒนา)
การเปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่ จาก 1 เมษายน มาเป็น 1 มกราคม ตั้งแต่ พ.ศ. 2484 ทำให้ พ.ศ. 2483 มีเพียง 9 เดือน คือ เมษายน ถึง ธันวาคม โดยขาดหายไป 3 เดือน คือ เดือนมกราคม กุมภาพันธ์ และมีนาคม ดังนั้น ถ้าไปพบใครที่มี
วันเกิดระหว่างวันที่ 1 มกราคม ถึง 31 มีนาคม พ.ศ. 2483 เราก็คิดไปได้ว่า ข้อมูลวันเดือนปีเกิดของบุคคลนั้นต้องมีอะไรผิดพลาดคลาดเคลื่อนเป็นแน่แท้
(คัดจากเอกสาร ประชากรและการพัฒนา)
วันอังคารที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2554
ประวัติคัมภีร์ทานตะวัน
แต่งโดย ขันทีผู้หนึ่ง ในวังหลวง
ไม่ทราบความเป็นมา
ไม่ทราบชื่อแซ่
สามร้อยปีต่อมา วิทยายุทธในคัมภีร์ ไม่มีผู้ใดฝึกสำเร็จ
หนึ่งร้อยปีก่อน คัมภีร์เล่มนี้ตกเป็นของ วัดล่างเสี้ยวลิ้มยี่ ที่เมือง โพวชั้ง มณฑลฮกเกี้ยน
เจ้าอาวาสตอนนั้นชื่อ มหาสมณะใบไม้แดง (อั๊งเฮียะเซี่ยซือ) มีสติปัญญาล้ำเลิศ
พยายามฝึก แต่ก็ฝึกไม่สำเร็จ
วิทยายุทธนี้ ว่ากันว่าลึกล้ำสุดยอด
แต่ก็ไม่ทราบว่าสุดยอดอย่างไร
สำนักฮั้วซัว มีซือเฮียตี๋ สองคน ชื่อฉั่วจื้อฮง และงักเซียว
ไปเป็นแขกที่วัดล่างเสี้ยวลิ้มยี่
ไม่ทราบทำอย่างไรได้เห็นคัมภีร์นี้
อาจจะโขมยดูหรือเปล่าไม่ทราบ
ยามฉุกละหุกก็แบ่งกันท่องคัมภีร์นี้ คนละครึ่งท่อน
พอกลับมาสำนัก ก็มาต่อกัน แต่ต่อกันไม่ติด ทะเลาะบาดหมางกัน
สำนักฮั้วซัวจึงแบ่งออกเป็น
1.ฝ่ายกระบี่ มีฉั่วจื้อฮง เป็นหัวหน้า
2.ฝ่ายลมปราณ มีงักเซียว เป็นหัวหน้า
ต่อมา มหาสมณะใบไม้แดง (อั๊งเฮียะเซี่ยซือ) ทราบว่า คัมภีร์ถูกลอบดูจึงส่ง
โต่วง้วนเซี่ยงซือ มาฮั้วซัว สั่งว่า
ห้ามไม่ให้ฝึก วิทยายุทธตามคัมภีร์นี้ เพราะ
ลึกล้ำมาก ด่านแรกก็ยาก ฝึกผิดก็จะตายหรือพิการไป
พอไปถึง สำนักฮั้วซัว ก็ไปพบ ฉั่วจื้อฮง และงักเซียว
ถามเรื่องนี้ ทั้งฉั่วจื้อฮง และงักเซียว ก็รับสารภาพว่าโขมยดูจริง
และฝึกอยู่แต่ยังไม่สำเร็จ คิดว่า โต่วง้วนเซี่ยงซือ รู้เรื่อง
จึงถาม และท่องให้ฟัง
โต่วง้วนเซี่ยงซือ ก็ทำเป็นรู้เรื่องอธิบายให้ฟัง
ขณะเดียวกันก็แอบจดจำข้อความในคัมภีร์ไว้ได้ทั้งหมด
หลังจากพักที่ฮั้วซัว นาน 7-8 วัน
ก็ลากลับวัด แต่ไม่กลับวัด สึกเอง
จดหมายไปหาเจ้าอาวาสว่า สึก ไม่มีหน้ากลับไปวัดอีก
เรื่องนี้ทำให้ วัดล่างเสี้ยวลิ้มยี่ ผิดใจกับสำนักฮั้วซัว
ข่าวการที่ สำนักฮั้วซัวมีคัมภีร์ทานตะวัน เกิดล่วงรู้ไปถึง พรรคทานตะวัน
10 ผู้อวุโส พรรคทานตะวัน บุกมาชิงคัมภีร์ทานตะวัน
ฆ่า ฉั่วจื้อฮง และงักเซียว ตาย ชิงคัมภีร์ไปได้
10 ผู้อาวุโส บาดเจ็บกลับไป
อีก 5 ปีต่อมา พรรคทานตะวันบุก มาที่ฮั้วซัวใหม่
สามารถมีวิทยายุทธทำลายเพลงกระบี่ของ 5 สำนักได้
ฆ่า ผู้อาวุโส 5 สำนักกระบี่ตายมากมาย
แต่ 10ผู้อาวุโสพรรคทานตะวันก็ตายหมด
สยดสยองมาก
โต่วง้วนเซี่ยงซือ เมื่อเป็นฆารวาส ชื่อ ลิ้มเอี่ยงโต้ว
ก่อตั้งสำนักคุ้มกันภัยบุญบารมี
อาศัยกระบวนท่า 72 ท่ากระบี่พิชิตมาร
สยบหมู่มิจฉาชีพ มีชื่อเสียงไปทั่ว
ข้อความในคัมภีร์ จดไว้ที่จีวร สั่งเสียลูกหลานไม่ให้ฝึก
พอเรื่องนี้ทราบไปถึง
มหาสมณะใบไม้แดง (อั๊งเฮียะเซี่ยซือ)
จึงทราบว่า เป็นวิทยายุทธจากคัมภีร์ทานตะวัน
จึงสั่งให้นำคัมภีร์มาเผาทิ้ง
แล้วแจ้งให้ เจ้าอาวาสเสี้ยวลิ้มบนทราบ
ไม่ทราบความเป็นมา
ไม่ทราบชื่อแซ่
สามร้อยปีต่อมา วิทยายุทธในคัมภีร์ ไม่มีผู้ใดฝึกสำเร็จ
หนึ่งร้อยปีก่อน คัมภีร์เล่มนี้ตกเป็นของ วัดล่างเสี้ยวลิ้มยี่ ที่เมือง โพวชั้ง มณฑลฮกเกี้ยน
เจ้าอาวาสตอนนั้นชื่อ มหาสมณะใบไม้แดง (อั๊งเฮียะเซี่ยซือ) มีสติปัญญาล้ำเลิศ
พยายามฝึก แต่ก็ฝึกไม่สำเร็จ
วิทยายุทธนี้ ว่ากันว่าลึกล้ำสุดยอด
แต่ก็ไม่ทราบว่าสุดยอดอย่างไร
สำนักฮั้วซัว มีซือเฮียตี๋ สองคน ชื่อฉั่วจื้อฮง และงักเซียว
ไปเป็นแขกที่วัดล่างเสี้ยวลิ้มยี่
ไม่ทราบทำอย่างไรได้เห็นคัมภีร์นี้
อาจจะโขมยดูหรือเปล่าไม่ทราบ
ยามฉุกละหุกก็แบ่งกันท่องคัมภีร์นี้ คนละครึ่งท่อน
พอกลับมาสำนัก ก็มาต่อกัน แต่ต่อกันไม่ติด ทะเลาะบาดหมางกัน
สำนักฮั้วซัวจึงแบ่งออกเป็น
1.ฝ่ายกระบี่ มีฉั่วจื้อฮง เป็นหัวหน้า
2.ฝ่ายลมปราณ มีงักเซียว เป็นหัวหน้า
ต่อมา มหาสมณะใบไม้แดง (อั๊งเฮียะเซี่ยซือ) ทราบว่า คัมภีร์ถูกลอบดูจึงส่ง
โต่วง้วนเซี่ยงซือ มาฮั้วซัว สั่งว่า
ห้ามไม่ให้ฝึก วิทยายุทธตามคัมภีร์นี้ เพราะ
ลึกล้ำมาก ด่านแรกก็ยาก ฝึกผิดก็จะตายหรือพิการไป
พอไปถึง สำนักฮั้วซัว ก็ไปพบ ฉั่วจื้อฮง และงักเซียว
ถามเรื่องนี้ ทั้งฉั่วจื้อฮง และงักเซียว ก็รับสารภาพว่าโขมยดูจริง
และฝึกอยู่แต่ยังไม่สำเร็จ คิดว่า โต่วง้วนเซี่ยงซือ รู้เรื่อง
จึงถาม และท่องให้ฟัง
โต่วง้วนเซี่ยงซือ ก็ทำเป็นรู้เรื่องอธิบายให้ฟัง
ขณะเดียวกันก็แอบจดจำข้อความในคัมภีร์ไว้ได้ทั้งหมด
หลังจากพักที่ฮั้วซัว นาน 7-8 วัน
ก็ลากลับวัด แต่ไม่กลับวัด สึกเอง
จดหมายไปหาเจ้าอาวาสว่า สึก ไม่มีหน้ากลับไปวัดอีก
เรื่องนี้ทำให้ วัดล่างเสี้ยวลิ้มยี่ ผิดใจกับสำนักฮั้วซัว
ข่าวการที่ สำนักฮั้วซัวมีคัมภีร์ทานตะวัน เกิดล่วงรู้ไปถึง พรรคทานตะวัน
10 ผู้อวุโส พรรคทานตะวัน บุกมาชิงคัมภีร์ทานตะวัน
ฆ่า ฉั่วจื้อฮง และงักเซียว ตาย ชิงคัมภีร์ไปได้
10 ผู้อาวุโส บาดเจ็บกลับไป
อีก 5 ปีต่อมา พรรคทานตะวันบุก มาที่ฮั้วซัวใหม่
สามารถมีวิทยายุทธทำลายเพลงกระบี่ของ 5 สำนักได้
ฆ่า ผู้อาวุโส 5 สำนักกระบี่ตายมากมาย
แต่ 10ผู้อาวุโสพรรคทานตะวันก็ตายหมด
สยดสยองมาก
โต่วง้วนเซี่ยงซือ เมื่อเป็นฆารวาส ชื่อ ลิ้มเอี่ยงโต้ว
ก่อตั้งสำนักคุ้มกันภัยบุญบารมี
อาศัยกระบวนท่า 72 ท่ากระบี่พิชิตมาร
สยบหมู่มิจฉาชีพ มีชื่อเสียงไปทั่ว
ข้อความในคัมภีร์ จดไว้ที่จีวร สั่งเสียลูกหลานไม่ให้ฝึก
พอเรื่องนี้ทราบไปถึง
มหาสมณะใบไม้แดง (อั๊งเฮียะเซี่ยซือ)
จึงทราบว่า เป็นวิทยายุทธจากคัมภีร์ทานตะวัน
จึงสั่งให้นำคัมภีร์มาเผาทิ้ง
แล้วแจ้งให้ เจ้าอาวาสเสี้ยวลิ้มบนทราบ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)