วันเสาร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2553

ข้อเท็จจริงที่ผู้ป่วยควรทราบ

ข้อเท็จจริงที่ผู้ป่วยควรทราบ

มี ข้อเท็จจริง หลายเรื่อง ที่ผู้ป่วยควรทราบ เพื่อลดปัญหาการโต้เถียงภายหลัง
แพทยสภาเคยมีเอกสารเป็นทางการออกไปแล้ว
แต่ข้าพเจ้าเชื่อว่า มีคนที่ยังไม่รู้ไม่เข้าใจอีกมาก

ข้อเท็จจริงต่อไปนี้เป็นเรื่องที่ค่อนข้างเฉพาะกับ สูตินรีแพทย์ ได้แก่

1. ความตายของมารดาที่มาฝากครรภ์ ผู้ที่มาฝากครรภ์ทุกราย ไม่ว่าจะดูแลดีอย่างไร หมอจะเก่งแค่ไหน มารดาก็ยังมีโอกาสตายจากการตั้งครรภ์ โดยที่ หญิงตั้งครรภ์อย่างน้อย 1 ใน 20,000 ราย ก็จะเกิดภาวะ น้ำคร่ำอุดตันเส้นเลือด และในจำนวนนี้กว่า ร้อยละ 99 แพทย์ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตได้ แพทย์ก็ไม่ทราบว่าโรคนี้จะเกิดกับใคร ป้องกันไม่ให้เกิดก็ไม่ได้ สูติแพทย์ท่านไหนจะเจอบ้าง คดีฟ้องร้องทุกวันนี้ ส่วนใหญ่ก็มากจากการเกิดโรคนี้ เมื่อเกิดขึ้นมาก็คงจะถามว่า มีโรคนี้ด้วยหรือ ทำไม่เกิดขึ้นกับเรา ใครเป็นคนทำให้เกิด เป็นทีมแพทย์ที่ดูแล หรือตัวผู้ป่วยเอง มองหาคนรับผิดชอบกันให้ได้ การวินิจฉัยว่าเป็นโรคนี้ ก็ยาก ต้องอาศัยการตรวจศพ ถ้าไม่ยอมให้ตรวจก็จะบอกได้อย่างไร ถ้าแพทย์มีญาณวิถีพิเศษ ก็จะบอกผู้ป่วยว่าไม่ให้ท้อง จะได้ไม่ตาย หรือไม่ก็ต้อง"หนีสุดขีด" ไม่มีชื่อพัวพันเลย เพื่อให้ไม่ต้องรับผิดชอบภายหลัง

2. ทารกในครรภ์ ไม่ได้มีลักษณะปกติทุกราย แพทย์ก็ไม่ทราบว่า ลูกของท่านปกติหรือไม่ โดยทั่วไป มีความผิดปกติร้อยละ 1 ขึ้นไป การตรวจหาความผิดปกติของทารกในครรภ์ ในวิทยาการทางการแพทย์ที่มีอยู่ก็บอกความผิดปกติไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่ว่าจะเป็นหมอสูติเก่งขนาดไหน โดยมากผู้มาฝากครรภ์จะเข้าใจว่า ตรวจเครื่องอัลตร้าซาวด์แล้ว คงเห็นหมด ถามแพทย์ว่าลูกปกติหรือไม่ ถ้าแพทย์ว่าปกติ ก็เข้าใจว่า ทุกอย่างปกติหมด ซึ่งเป็นการเข้าใจคำพูดที่แพทย์บอก และความสามารถของแพทย์ผิดไป แพทย์โดยมากก็ไม่ใด้ให้เวลาอธิบายเรื่องนี้นานนัก เนื่องจากมีผู้ป่วยมาก ตัวอย่างความผิดปกติที่มี แต่แพทย์อาจมองไม่เห็น เช่น ความผิดปกติของ แขนขา ข้อ ซึ่งถ้าไม่ชำนาญดูเป็นประจำก็ไม่สามารถบอกได้จากการดูด้วยเครื่องอัลตร้าซาวด์ในเวลาสั้นๆ ความผิดปกติของหัวใจ ความผิดปกติในเรื่องโครโมโซม ซึ่งต้องตรวจด้วยวิธีที่ยุ่งยาก โรงพยาบาลเล็กๆ ไม่สามารถทำได้ และค่าใช้จ่ายอาจแพงมาก และอื่นๆอีกมากมาย

3. อุบัติเหตุไม่คาดฝันอาจมีได้ อยู่เสมอ เช่นเดียวกับรถคว่ำ รถชน ทารกอยู่ในครรภ์ก็อาจตายไปเฉยๆ เช่นภาวะ สายสะดือพัน ผุกกันแน่นจนเลือดไม่สามารถไปเลี้ยงเด็กได้ แพทย์ก็ไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้ว่าใครจะเกิด ไม่มีวิธีป้องกัน เมื่อเกิดแล้วก็ไม่มีวิธีแก้ไข จะทราบต่อเมื่อคลอดออกแล้ว ก็พบว่าสะดือผูกเป็นเกลียวแน่น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น